dupe lipstick มุนินมุตากับ chanel rouge coco bloom สี 110 ก็ต้องนี้เลย
Canmake Melty Luminous Rouge /Rouge Tint สี T02
ความคล้ายนี้คือที่สุด!!!!
Amt skincare ผิวแข็งแรงด้วยแบรนด์ไทย
สวัสดีค่ะทุกคน
เมื่อเร็วๆ นี้พี่ปิ่นได้รู้จักกับแบรนด์ไทยที่น่าสนใจและน่าจับตามองมาก ทั้งแนวความคิดของผู้ก่อตั้ง และในด้านของส่วนผสมซึ่งประทับใจพี่ปิ่นมากถึงมากที่สุด แต่…ต้องขอบอกก่อนว่าเนื้อหาจะค่อนข้างยาว พี่ปิ่นเลยจะให้เวลาทุกคนได้ไปเอาหมอนมาอิงเอนหลังอ่านกันเพลินๆ ยาวๆ ไปเลยค่ะ
จะเป็นแบรนด์ไหนนั้นตามพี่ปิ่นมาเลยค่ะ

amt Skincare
แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ไทย ผู้ก่อตั้งและคิดค้นคือนักวิจัยสกินแคร์คนไทยที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์สกินแคร์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น โดยที่ปณิธานของผู้จัดตั้งก็น่าสนใจมากทีเดียว เขาให้ความสำคัญกับ R & D ที่คิดค้นสูตรสกินแคร์ขึ้นเอง ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกที่จะผลักดันและยกระดับอุตสาหกรรมสกินแคร์แบรนด์ไทยให้ทัดเทียมประเทศอื่น ๆ ค่ะ
นอกจากนี้พี่ปิ่นมองว่าสกินแคร์แบรนด์นี้เข้าถึงได้ง่าย ทั้งยังใจกว้างพอที่จะสามารถพูดถึงหรือใช้ร่วมกับแบรนด์อื่นๆ ได้ด้วย ตามช่องทางต่าง ๆ ของแบรนด์เราสามารถถามเขาได้หมด พี่ปิ่นเองก็ใจกล้าหน้าทนถามเขาถึงลำดับขั้นตอน และข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งทางแบรนด์ก็ตอบคำถามเป็นอย่างดี ทำให้ได้ความรู้มากมาย เปิดโลกเลยทีเดียวค่ะ
ผลิตภัณฑ์ของ amt skincare มี 4 ตัวหลักที่ทุกคนเห็นในภาพค่ะ ซึ่ง Product ชุดนี้จะให้ความสำคัญกับ “การมีผิวที่มีสุขภาพดี มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาผิวต่างๆ พร้อมให้ความกระจ่างใสแก่ผิว”
แต่ละตัวน่าสนใจอย่างไรบ้างนั้นเรามาดูไปทีละตัวกันเลยดีกว่าค่ะ

AMT
Brightening & Moisturizing Liposome Serum
พี่ปิ่นจะขอพูดถึงเซรั่มตัวนี้นานนิดนึงนะคะ เพราะเขาเป็นกุญแจสำคัญที่จะปูพื้นให้ผิวแข็งแรงและมั่นคงค่ะ การทำงานจึงค่อนข้างลึกซึ้งเป็นพิเศษ
เขาเป็นเซรั่มที่ช่วยฟื้นฟู Skin Barrier ให้แข็งแรง เมื่อแข็งแรงผิวก็จะสามารถกักเก็บน้ำและไขมันใต้ผิวได้ดี ตัวนี้เป็นเซรั่มที่ต้องลงเป็นขั้นตอนแรกเลยค่ะเพราะเขาจะช่วยปรับโครงสร้างผิวให้พร้อมรับสารอาหารของสกินแคร์ตัวถัดไปที่จะลง ทำให้ซึมเข้าผิวได้ดีขึ้นค่ะ ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่พี่ปิ่นบอกว่าเขาใจกว้างพอที่จะใช้ร่วมกับแบรนด์อื่นๆ ได้เป็นอย่างดีค่ะ นอกจากนี้ยังนำส่ง Niacinamideในรูปแบบไลโปโซมซึมลึกไปถึง Melanocyte ต้นเหตุของรอยด่างดำ ช่วยทำให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น
ไม่มีส่วนผสมจากน้ำหอม แอลกอฮอล์และซิลิโคน

การทำงานของ Liposome Serum ในขั้นตอนแรกคือจะเข้าไปซ่อมแซม Skin Barrier ที่เสียหาย เมื่อ Skin Barrier แข็งแรงก็สามารถล็อกน้ำในผิวไม่ให้แห้งหาย

โดยที่ส่วนผสมที่ทาง amt เลือกมาใช้เป็น Lecithin ซึ่งสารตัวนี้เป็นสีเหลืองอ่อนที่ได้จากถั่วเหลือง ประกอบไปด้วย phospholipid เป็นส่วนประกอบหลัก สารตัวนี้จะเข้าไปอุดรอยรั่วต่างๆ ใน Skin Barrier ป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำและไขมัน โดยการอุดรอยรั่วนี้ จะไม่ทำให้ Skin Barrier แข็งทึบเกินไปเป็นโครงสร้างผิวที่พร้อมรับสารอาหารตัวอื่นแล้วค่ะ

เนื้อของเซรั่มไม่ได้เหลวค่ะ ค่อนไปทางเนื้อบาล์มเลยด้วยซ้ำแต่ไม่หนัก สีออกแนวเหลือง ๆ ใส ๆ ไม่มีกลิ่นน้ำหอมและสารอันตราย ถูกออกแบบมาเพื่อคนผิวแพ้ง่าย ซึมเข้าผิวเลยทันทีไม่มีความมันเหลือค้างอยู่บนผิวใดๆ เลยค่ะ ด้วยความที่เขามี Niacinamide ในรูปแบบที่สามารถซึมลึกได้ถึงชั้นผิวที่มีปัญหาทำให้ช่วยลดจุดด่างดำและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้ดีทีเดียวค่ะ
หลังจากทาเซรั่มเสร็จก็ทิ้งไว้ครู่หนึ่งแล้วก็ลงเซรั่มตัวอื่นที่เรามีต่อได้เลยค่ะ


AMT
Rejuvenating and Brightening Light & Rich Emulsion
หลังจากที่ลงเซรั่มตัวแรกที่พูดถึง และเซรั่มตัวอื่นที่เรามีเสร็จแล้ว ก็มาถึงน้องคนถัดมาเป็น Emulsion ค่ะ เขาเน้นให้สารอาหารประเภทไขมันให้กับชั้นผิว มี 2 สูตร Light และ Rich โดยที่แต่ละสูตรจะมีอัตราส่วนน้ำมันที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพผิว
สูตร Light จะมี inner oil : surface oil = 90:10 (เหลือน้ำมันที่ surface น้อยกว่า )
สูตร Rich จะมี inner oil : surface oil =75:25 (เหลือน้ำมันที่ surface มากกว่า)
โดยที่ส่วนผสมจะมีน้ำมันจาก
- Macadamia seed oil ช่วยทำให้ผิวนุ่มและเฟิร์มในเวลาเดียวกัน
- น้ำมันอะมิโน เป็นน้ำมันที่มีคุณประโยชน์สามประการ คือ อุ้มน้ำไว้ในผิว, ทำให้ผิวนุ่ม, อุดรอยรั่วป้องกันผิวเสียน้ำ
- Phosphatidylcholine หรือ PC สารนำพาน้ำมันเข้าสู่ผิวแบบ Biocompatible ผิวไม่มองว่าเป็นสารแปลกปลอม ทำให้ซึมนำพาน้ำมันเข้าสู่ผิวได้ลึก พร้อมซ่อมแซม skin barrier ทำให้ผิวแข็งแรงไปด้วยในตัว
- Niacinamide บริสุทธิ์ความเข้มข้นสูง ซึ่งจะถูก PC พาเข้าไปสู่ผิวพร้อมๆกัน ช่วยลดเลือนความผิดปกติของเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ รอยแดง รอยดำค่ะ
ไม่มีส่วนผสมจากน้ำหอม แอลกอฮอล์และซิลิโคนค่ะ

สูตร Light
จะเหมาะกับผิวแบบพี่ปิ่นมากค่ะ เนื่องด้วยเป็นคนผิวผสมที่ค่อนไปทางมันจึงควรให้มีน้ำมันเหลืออยู่บนผิวน้อยหน่อยค่ะ สูตรนี้มีเนื้อที่บางเบาออกแนวน้ำนมค่ะ เป็น Emulsion ที่ซึมลงผิวได้อย่างรวดเร็ว เหลือความมันทิ้งไว้บนผิวน้อยมาก แต่ได้ความชุ่มชื้นสูงมากทีเดียวค่ะ พี่ปิ่นใช้สูตรนี้ในตอนเช้าค่ะ แม้จะเป็น Emulsion ที่ให้สารอาหารประเภทไขมันแก่ผิว แต่วันทั้งวันผิวพี่ปิ่นไม่มีความมันส่วนเกินมากวนใจเลย อันนี้ค่อนข้างอเมซิ่งทีเดียว เพิ่งได้รับรู้เป็นครั้งแรกว่าการที่ผิวได้รับความชุมชื้นที่เหมาะสมแล้วผิวจะไม่ผลิตน้ำมันส่วนเกินมาอีกมันเป็นแบบนี้นี่เอง อันนี้ปลื้มมากจ้า

สูตร Rich
จะมีความเข้มข้นขึ้นมามาก พี่ปิ่นจะใช้สูตรนี้ในตอนกลางคืนค่ะ หรือในวันที่ผิวบริเวณรอบดวงตามีความแห้งมาก นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยได้บำรุงผิวเท่าไรด้วยค่ะ เรียกได้ว่าใช้สูตรนี้แล้วจะช่วยบำรุงลึกถึงชั้นผิวให้แข็งแรงขึ้นได้ไม่ยากค่ะ

AMT
All Day Nourishing Deep Essence Mist
อยากมีผิวแบบลูกโป่งใส่น้ำ ต้องอย่าลืมขั้นตอนนี้เด็ดขาดเลยค่ะ เพราะสเปรย์ของ amt ตัวนี้เขาเต็มไปด้วยสารอาหารจำพวกน้ำ อย่างเช่น กรดอะมิโน น้ำตาล เปปไทด์ ซึ่งเห็นผลในทันทีคือทำให้ผิวชุ่มชื้นราวกับลูกโป่งน้ำ มีสาร Lysolecithin เป็นตัวพาสารอาหารเข้าสู่ผิวชั้นลึกทำให้ผิวถูกบำรุงจากภายในอย่างเต็มพิกัด และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องระบบกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องค่ะ อีกทั้งยังช่วยปลอบประโลมผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ด้วยค่ะ

สเปรย์เป็นละอองละเอียด ฉีดพ่นทั่วใบหน้าแล้วก็ใช้ฝ่ามือแนบไปกับผิวค้างไว้ 5-10 วินาทีจะช่วยให้สารอาหารของผิวซึมลงไปได้เร็วขึ้นค่ะ สามารถใช้สเปรย์ระหว่างวันได้โดยไม่รบกวนเมคอัพและกันแดดเลยค่ะ แต่ในกรณีนี้คือต้องหลีกเลี่ยงอย่าใช้มือสัมผัสกับผิวโดยตรงค่ะ นอกจากนี้ยังฉีดที่ผมก็ได้ จะใช้มากใช้น้อยยังไงก็ได้ เอาตามที่ต้องการเลยจ้า
ถ้าให้เรียงลำดับการลงสกินแคร์ ขอให้ลืมทฤษฎีเรื่องลงตามความข้นเหลวของสกินแคร์ไปก่อนค่ะ เพราะความข้นเหลวของผลิตภัณฑ์ไม่ได้มีผลต่อการซึมผ่าน แต่มันขึ้นอยู่กับโครงสร้างเคมีของสารในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ มากกว่าค่ะ และด้วยคุณสมบัติของ amt liposome serum แนะนำว่าควรใช้เป็นสกินแคร์ลำดับแรกก่อนสกินแคร์อื่น ๆ เนื่องจากเป็นbooster ช่วยนำพาสกินแคร์ในลำดับถัดๆไป ให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ถ้าให้เรียงลำดับก็ตามแผนผังนี้เลยค่ะ

ต่อไปเป็นผลการใช้เป็นระยะเวลา 2 อาทิตย์ ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นๆ ค่ะ

จะเห็นได้ว่าสีผิวก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ของ amt คือสีผิวที่หน้ากับที่คอนี่คนละสีกันเลย หน้าฉันหมองเหมือนโดนของมาก! แม้ผิวจะเนียนในระดับหนึ่งแต่รูขุมขนก็ยังกว้างอยู่ ทำให้ระหว่างวันมีความมันส่วนเกินค่อนข้างมากค่ะ แต่หลังจากที่เพิ่ม line ของ amt เข้าไปแล้วลงสกินแคร์ตามลำดับในผัง สีผิวก็กระจ่างขึ้นเหมือนติดไฟจากภายใน ผิวไม่ได้ขาวขึ้นเหมือนลอกผิวภายนอกออก แต่กระจ่างขึ้นจากภายใน รู้สึกได้เลยค่ะว่าผิวแน่นกระชับขึ้น และแข็งแรงขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วยค่ะ ผิวที่เป็นริ้วๆ เส้นๆ ตรงรอบดวงตาดูชุ่มชื้นและเฟิร์มขึ้นด้วยค่ะ
ส่วนเรื่องการแต่งหน้าไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ผิวแข็งแรงแต่งทั้งวันก็ไม่หลุด ผิวเนียนเรียบแต่งหน้าติดทนซึ่งคุณสมบัตินี้เป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้นเองค่ะ ผิวแข็งแรงซิยั่งยืนกว่าเยอะ

อีกเรื่องที่เห็นผลชัดมากคือรูขุมขนค่ะ รูขุมขนเล็กลงมากกกกกก บางจุดกระชับพื้นที่จนมองแทบไม่เห็น อย่างรูขุมขนตรงวงกลมด้านบนนอกจากรูจะใหญ่มากแล้วยังมีความเหี่ยวย่น ปิ่นขอเรียกว่าหยุยๆ รู้ได้เลยว่าอีลาสตินใต้ผิวคือตายจากพี่ปิ่นไปหมดแล้ว แต่พอมาดูภาพด้านขวาก็คือ!!! เขากระชับขึ้นเหมือนมีเส้นใยใหม่ต่อกับผิวชั้นในและตึงกระชับให้แข็งแรงได้อีกครั้งเลยค่ะ ร้องไห้แล้ว ฮืออออ
นอกจากนี้ก่อนหน้านี้ปกติเวลาลงสกินแคร์เสร็จจะมีความมันเหลือๆ เคลือบไว้ที่หน้าผิวซึ่งมันก็คือสกินแคร์ที่ซึมลงไปในผิวได้ไม่หมด โดยเฉพาะตื่นนอนมาตอนเช้านี่หน้าจะมันเมือกขนแมวติดหน้ายุบยิบ แต่พอเพิ่ม amt skincare เข้ามา(ที่เหลือใช้ทุกอย่างเหมือนเดิม) แล้วลงตามลำดับที่บอกไป ความมันส่วนเกินอะไรไม่รู้จักแล้ว 555 ตื่นมาพร้อมกับผิวหน้าที่เนียนนุ่ม ความชุ่มชื้นถูกเก็บไว้ใต้ผิวหมดค่ะ ไม่มีโผล่มากวนใจอีก ระหว่างวันผิวก็ไม่มันเพิ่มเหมือนแต่ก่อน
**รู้สึกได้เลยว่าเงินทุกบาทที่จ่ายค่าสกินแคร์ไปถูกใช้บำรุงอย่างคุ้มค่าทุกหยาดหยดจริงๆ**
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่พี่ปิ่นพบคือราคาสูง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณและส่วนผสมชั้นดีก็ทำให้เข้าใจได้เพราะผลลัพธ์มันเห็นคาตาขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรจะหักแล้วจริงๆ ค่ะ

นับว่าเป็นการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของ amt skincare เลยค่ะ ดีแค่ line ตัวเองไม่พอ ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพสกินแคร์ตัวอื่นให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก ประเสริฐแท้ลูกเอ้ย
อีกทั้งด้านการบริการก็มีแอดมินคอยตอบคำถามอย่างสุภาพและกระตือรือล้นในทุกช่องทาง ทั้งยังมีการบอกส่วนผสมทุกอย่างไว้ที่เว็บไซต์ให้เราเข้าไปตรวจสอบได้โดยไม่ต้องถาม อันนี้น่าชื่นชมที่สุดค่ะ
ทิ้งท้ายไว้แค่ว่า
ต้องลอง!!!
ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!!!
สำหรับวันนี้พี่ปิ่นขอลาไปก่อน
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
ข้อดีของ setting spray
รีวิว KVD Good Apple รองพื้นเนื้อบาล์มปกปิดทุกอณู?
สวัสดีค่ะ
พูดถึงรองพื้นที่กำลังมาแรงในตอนนี้คงหนีไม่พ้นรองพื้นเนื้อบาล์มตัวดังของ KVD Beauty ค่ะ ซึ่งวันนี้พี่ปิ่นจะพาทุกคนไปท้าพิสูจน์ว่าทำไมถึงถูกพูดถึงนักหนา ไปจ้ะ เดินตามธงพี่ปิ่นมาได้เลย

KVD Beauty Good Apple Skin-Perfecting Foundation Balm
1500 THB
เป็นรองพื้นที่มาในรูปแบบตลับ สูตรบาล์มเนื้อชุ่มชื้น ปกปิดได้แบบ full-coverage แต่เนื้อบางเบา ติดทนนาน ให้สัมผัสแบบแมตต์ พร้อมการบำรุงจากสารสกัดจากแอปเปิ้ล Good Apple จะช่วยลดเลือนรูขุมขนให้ผิวเรียบเนียน สุขภาพดี ที่สำคัญคือ ไม่อุดตันผิว

เอาล่าวๆ จำได้ว่าตอนนั้นแอบลังเลนิดนึงว่าจะเอาไม่เอาดี เพราะขนาด 10 g ที่ให้มาในหนึ่งตลับ ก็ถือว่ามีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับราคา

แต่เมื่อลองปาดดูก็คือเดินไปหยิบน้องใส่ตะกร้าลืมความลังเลเมื่อครู่ไปเลยค่ะ
เข้าไทยมาทั้งหมด 14 เฉด แบ่งเป็น 4 กลุ่ม มี Light, Medium, Tan, Deep
Good Apple ขึ้นชื่อในเรื่องของการปกปิดขั้นสุด แต่ให้ผิวที่เนียนประหนึ่งเป็นผิวจริงของเรา อ่ะ มาลองให้ดูกันแบบชัดๆ จะๆ กันไปเลยค่ะ

และนี่คือรูปหน้าสดเดนตายผ่านสงครามแสงแดดมา 38 ปีค่ะ 5555
ฝ้า กระ เข้ม จัดเต็ม รูขุมขนบริเวณหน้าแก้มและจมูกกว้าง พี่ปิ่นเป็นคนผิวผสม มันบริเวณทีโซนและหน้าแก้ม ใต้ตาแห้งมีริ้วรอยค่ะ

“ในปาดเดียว”
พี่ปิ่นเลือกปาดลงบริเวณที่มีกระเข้มสุดเลยค่ะ โดยใช้แปรงแตะๆ ไปที่รองพื้นนิดหน่อย แต่ผลที่ได้ก็คือ ดูตาพี่ปิ่นค่ะ อีกนิดจะหลุดจากเบ้าแล้ว 5555 ความเข้มข้นนี่ทำอิฉันตะลึงมาก

ลองปาดไปครึ่งหน้าพบว่าสามารถเกลี่ยไปทั่วหน้าได้อย่างง่ายดายใน 1 แปรงนั่นแหละค่ะ ไม่ได้จุ่มเพิ่มแต่อย่างใด เนื้อลื่น เกลี่ยง่ายมาก และบางเบามากเช่นกัน เขากลบรูขุมขน black hole ของพี่ปิ่นได้เนียนกลิบโดยที่ไม่ต้องพึ่งตัวช่วยอย่าง Primer เลย ปกปิดขั้นสุด! ใช้แค่ Good Apple ก็ไม่ต้องใช้ Concealer มาป้ายตรงกระดำๆ หรือตรงรูขุมขนอีกเลยค่ะ ใต้ตงใต้ตาคือกลบแพนด้าได้หมด! โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด สุดยอดศิวิไลซ์!
หลังจากปาดเสร็จ 2-3 นาที เขาจะเริ่มแห้ง กลืนเนียนสนิทไปกับผิว แต่ไม่ได้แห้งแคร้ก แมตต์ป้าบขนาดนั้น แต่ให้ผิวที่เนียน ดูชุ่มชื่น ชอบมากค่ะ
ว่าแล้วก็ไปแต่งต่อให้จบกันดีกว่า

“ลงรองพื้นเพียวๆ”
อื้อหื้ออออออ ฉันกลายเป็นคนลวงโลกไปในบัดดล 5555
Finished ผิวตอนแต่งเสร็จใหม่ ๆ ก็คือสวยมากกกกกก นวลเนียน รูขุมขนถูกเบลอจนเรียกได้ว่าหายไปไหน? จุดด่างดำต่าง ๆ คือแทบจะมองไม่เห็นเลยค่ะ
เพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพสไตล์พี่ปิ่น พี่ปิ่นจะใช้น้องเขาเพียวๆ เดี่ยวๆ ค่ะ ไม่ใช้ตัวช่วยเพิ่มอะไรเลย คือลงสกินแคร์เสร็จก็ใช้รองพื้นลงเลยค่ะ แต่งเสร็จก็ไม่ใช้แป้ง และฉีด setting spray อะไรด้วย
***ลงแป้งฝุ่นบริเวณกรอบหน้าเท่านั้น เพื่อ set shading แบบครีม***
และต่อไปนี้คือผลหลังผ่านไป 6 ชั่วโมงค่ะ

วาวเลยค่ะ 5555 สามารถอนุมานได้ว่า ถึงน้องจะเคลมว่าให้ฟินิชผิวแบบแมตต์ แต่น้องไม่คุมมันค่ะ สรุปคือต้องใช้ตัวช่วยต่าง ๆ เพื่อคุมมันร่วมด้วยช่วยกันค่ะ


ซับมันกันด้วยทิชชูกันหน่อย มีเนื้อรองพื้นติดออกมา นั่นก็แสดงว่าใส่แมสแล้วคือรองพื้นติดมาส์กแน่นอน
แต่ๆๆๆๆๆๆๆ

ให้ทุกคนดูแบบซูมๆ จุดที่รอดสุดคือผิวทั่วหน้าและตรงรูขุมขนหน้าแก้มค่ะ แม้จะมีการซับออกไป แต่รูขุมขนฉันยังรอด! เขายังแมตต์ แต่ไม่แมตต์ป้าบจนแคร็ก ส่วนปลายจมูกมีหลุดนิดหน่อยค่ะตามสภาพความมัน และที่สำคัญ!!! ไม่ไหล ไม่ย้อย ไม่กอง ซับๆ แล้วทุกอย่างยังเหมือนเดิมยกเว้นปลายจมูกนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ
สรุป
– ไม่คุมมัน เหมาะกับคนผิวแห้ง ถึง ธรรมดา ผิวผสมต้องใช้ตัวช่วยเพิ่ม เช่น Primer คุมมันบริเวณ T-Zone ลงแป้งฝุ่นคุมมัน และฉีด Setting Spray อีกที เอาอยู่ และได้ผิวสวยแน่นอน คนผิวมัน ไม่แนะนำจ้า
– เนื้อลื่น เกลี่ยง่าย ไม่เหลวเกินไป ไม่หนืดเกินไป เป็นเนื้อบาล์มที่แท้ทรู
– ปกปิดดีมาก ไม่ต้องใช้ Concealer ก็ยังได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจุดด่างดำค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาแต่ไม่มาก ถือว่าดี!
– เบลอรูขุมขนได้ดีมาก
– ปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับราคา แต่ปริมาณการใช้คือ 1 แปรงจุ่มก็ปาดและปกปิดได้ครึ่งหน้าเลยทีเดียว
– ให้ฟินิชผิวแบบแมตต์แต่มีความชุ่มชื้น เป็นรองพื้นที่สามารถเปลี่ยนผิวให้สวยขึ้นได้ดีมาก
– ไม่ไหล ไม่กอง ไม่ตกร่อง
– oxidation น้อยมากค่ะ เรียกได้ว่าแทบไม่เปลี่ยนสีเลย
ถ้าคะแนนเต็ม 10 พี่ปิ่นขอให้ 8 ค่ะ หักในเรื่องของปริมาณกับราคาที่ไม่สัมพันธ์กันเท่าไร และหักอีก 1 คะแนนตรงไม่คุมมันค่ะ
แต่ถึงอย่างนั้น พี่ปิ่นก็ชอบมาก และหยิบใช้บ่อย ๆ แน่นอน ที่เหลือก็ใช้ตัวช่วยเอา แค่นี้ก็สวยและติดทั้งวันแล้ว
หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์นะคะ
สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
CHANEL ROUGE COCO BLOOM #110 สวยสูงส่งบนบ่วงโซ่อาหาร
สวัสดีค่า
แหม เป็นกระแสเหลือเกินกับลิปสติกออกใหม่ของ Chanel กับ CHANEL ROUGE COCO BLOOM ค่ะ แล้วพี่ปิ่นก็ไปโดนตกเข้ากับสีนี้ค่ะ 110

อุแง้! สวยลืมมมมมม

“แสงปกติในห้อง”
เนื้อของเขาบางเบา ออกไปทางเนื้อ sheer แต่ก็มีความหนักแน่นของสีอยู่มากค่ะ

“กับแสงพระอาทิตย์จากนอกห้อง”
เมื่อกระทบแดด ก็จะเห็นความฉ่ำวาวของเนื้อลิปได้อย่างชัดเจน ความชุ่มฉ่ำนี้ช่วยให้ปากไม่แห้งด้วยค่ะ

นู้ดสูงส่งมากค่ะ! ทาแล้วฉันอยู่บนจุดสูงสุดของบ่วงโซ่อาหาร นั่งจิบไวน์อยู่ชั้นบนสุดของเฮร่าพาเลซ 5555
ปกติพี่ปิ่นมีสีขอบปากค่อนข้างเข้ม ก็คิดว่าป้าชาจะเอาไม่อยู่ แต่พอได้ลองทาที่ไหนได้ เขากลบสีปากได้มิดสนิทเลยทีเดียวค่ะ อีกสิ่งก็คือไม่คิดว่ามวลที่บางเบาของเนื้อลิปจะกลบร่องปากได้แนบเนียนมากกกก มีแต่ความฉ่ำวาวและสีของลิปให้เห็นบนเรียวปากเท่านั้น อันนี้ชอบ!

“ปากฉ่ำ เงาาาาาาาาาา สวยยยยยย”

และเมื่อเช็ดออกจะเห็นได้ว่ามีความ stain หลงเหลืออยู่บนผิวเคลือบสีปากของเราเอาไว้ในระดับหนึ่ง

“หลังผ่านศึกกินมาอย่างหนักหน่วง”
ด้วยความที่เนื้อลิปเขาเป็นเนื้อบางเบาและชุ่มฉ่ำ ก็คิดว่าไม่ได้ติดทนมากนัก แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากกินข้าวเอย น้ำเอย เนื้อลิปหลุดออกเป็นบางส่วนเท่านั้น ซึ่งก็คือตรงกลางปากนิดหน่อย แต่ที่ขอบปากสียังมี และตรงที่หลุดออกก็ยังมีสี stain เคลือบอยู่บางๆ ถือว่าติดทนในระดับหนึ่งของเนื้อลักษณะนี้ค่ะ นับว่า…เลิฟ!!!
สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
เสริมเกราะ ต้านริ้วรอยด้วย Kiehl’s Vital Skin-Strengthening Super Serum
สวัสดีค่ะทุกคน
สำหรับหญิงวัยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าผ้าอนามัยอย่างพี่ปิ่นก็ต้องดูแลเรื่องริ้วรอยบนผิวเป็นพิเศษหน่อยค่ะ เพราะอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้สภาพผิวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางจุดที่เคยมันก็กลับแห้งลงจนทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายค่ะ พี่ปิ่นก็เลยต้องคอยหาสกินแคร์ที่จะช่วยตอบโจทย์ผิวในแต่ละช่วงวัยอยู่เสมอ และมีไม่กี่อย่างที่ใช้แล้วชอบ เห็นผลบางประการจนต้องใช้ต่อไปเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นก็คือตัวนี้ค่ะ

Kiehl’s
Vital Skin-Strengthening Super Serum
เรียกง่าย ๆ สั้น ๆ ว่าคีลส์ขวดแดงค่ะ ซึ่งถูกพูดถึงพอสมควร ไอ้เราก็ไม่รอช้ารีบรับน้องมาเลยทันที
มาดูกันดีกว่าค่ะว่าเขามีส่วนผสมอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ไฮยาลูโรนิกแอซิดที่มีโมเลกุลขนาดเล็กทำให้ซึมลงผิวได้รวดเร็วและตรงจุด
อแต็ปโตเจนิก เฮอร์เบิล คอมเพล็กซ์ เป็นสูตรผสานศาสตร์สมุนไพรช่วยปรับสมดุลฟื้นบำรุงผิวซึ่งประกอบไปด้วย
ซิแซนดราเบอร์รี่ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมความยืดหยุ่นให้ผิว
กะเพรา อันนี้แปลกสำหรับพี่ปิ่นมากค่ะ รู้ว่าเขามีสรรพคุณทางยา แต่ไม่คิดว่าจะเอามาใส่ในสกินแคร์ได้ ด้วยความที่กะเพราะเขาอุดมไปด้วยเออร์โซลิกแอซิด และโรสมารินิกแอซิดซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ช่วยลดผลกระทบที่มองเห็นได้ซึ่งมาจากปัจจัยด้านความเครียดแล้วส่งผลต่อผิว
รากโสมแดง สูตรนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยจินเซนโนโซด์ค่ะ ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุด ทำให้ผิวเรียบเนียน


เนื้อเซรั่มบางเบาตรงกับคำเคลมที่บอกมาว่ามีขนาดโมเลกุลที่เล็กมาก

เมื่อเกลี่ยเนื้อเซรั่มก็ซึมลงสู่ผิวทันที แต่ก็ยังมอบความชุ่มชื้นอยู่ที่ผิวด้านบน ด้วยความที่เขามีน้ำหนักเบาไม่นานนักเนื้อเซรั่มทั้งหมดก็ซึมหายวับไปกับตา


เมื่อลงเซรั่มลงบนผิวหน้าเขาก็ซึมซาบไวยิ่งกว่าตอนลองบนผิวหลังมือ หลังจากนั้นพี่ปิ่นก็ใช้น้องเขาร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นๆ ที่ได้ใช้เป็นประจำค่ะ
ความรู้สึกหลังใช้
หลังจากที่พี่ปิ่นทดลองใช้มาร่วมเดือนพบว่า จุดที่กังวัลในเรื่องของริ้วรอยไม่ว่าจะเป็นใต้ตาที่แห้งกร้านจนเริ่มมีเส้นริ้วรอย รวมถึงตรงหัวคิ้วที่มีเส้นริ้วรอยนั่นดูตื้นขึ้นค่ะ นอกจากนี้ผิวโดยรวมก็ดูแข็งแรงและมีความเด้ง ยืดหยุ่น เหมือนเอาเกราะไปอัพเกรด ผิวมีความชุ่มชื้นฉ่ำวาวไม่แห้งกร้าน ส่วนทีโซนที่เคยมันมากและมีรูขุมขนกว้างก็เริ่มดีขึ้น กระชับขึ้น เรียกได้ว่าเซรั่มตัวนี้ทำให้ผิวของพี่ปิ่นดีขึ้นรอบด้านจริง ๆ ค่ะ ประทับใจมาก ใช้ต่อแน่นอนค่ะ
ใช้ต่อแน่นอน สัญญาว่าจะไม่นอกใจ
สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
KIKO Milano Make up สุดหวือหวาแต่ราคาเอื้อมถึง
สวัสดีค่ะทุกคน
หลายคนอยากได้เครื่องสำอางคุณภาพดีแต่ราคาย่อมเยาซึ่งพี่ปิ่นก็เป็นหนึ่งในนั้น และความต้องการนอกเหนือไปจากนั้นก็คือแพ็คเกจต้องมีดีไซน์ทันสมัยและแข็งแรง หลายคนอาจบ่นว่าจะไปหาเครื่องสำอางแบบนั้นได้ที่ไหนกัน มานี่เลยค่ะ พี่ปิ่นขออนุญาตจูงมือทุกท่านเข้าสู่ Shop ที่ชื่อว่า KIKO Milano ค่ะ

KIKO Milano เป็นแบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติอิตาลีค่ะ ในครั้งหนึ่งสมัยที่ยังไม่มีโควิด พี่ปิ่นเคยเห็นเพื่อนที่เพิ่งมาจากอิตาลีใช้ค่ะ เลยขอลองใช้ลิปสติกซึ่งมีดีไซน์ล้ำ หรูหรา ก็ทดไว้ในใจว่าต้องแพงแน่ ๆ แล้วยิ่งมาจากอิตาลีอีก แต่พอถามราคากับเพื่อนปรากฏว่าราคาแค่หลักร้อย! ตอนนั้นหลงรัก KIKO จากลิปสติกเลยค่ะ และเพื่อนพี่ปิ่นบอกว่าที่อิตาลี หรือโซน ๆ ยุโรปเนี่ย KIKO เขาดังมาก เรียกได้ว่าเป็น Brand อันดับ 1 ของอิตาลี มี Shop อย่างถี่ ส่วนใหญ่จะซื้อเป็นของฝากกัน เพราะหาซื้อง่ายประหนึ่งเซเว่นหน้าปากซอย แต่ราคาน่ารัก คุณภาพระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ ตั้งแต่นั้นมาความเกรงใจของพี่ปิ่นก็หายไป ฮ่า ๆ เวลาที่เพื่อนจะมาเยี่ยมที่ไทยเมื่อไหร่ก็จะขอให้เพื่อนหิ้วมาให้ด้วยค่ะ
เอาล่ะ ทุกคน ไปหาเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้วแล้วมานั่งติดขอบจอ เพราะพี่ปิ่นจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ KIKO ที่พี่ปิ่นมีซึ่งเยอะมากกกกกก มาให้ทุกคนได้รู้จักค่ะ

KIKO Milano
Instamoisture Foundation
SPF 25
ตัวนี้เป็นรองพื้นที่ให้ฟินิชผิวชุ่มชื้น พร้อมปกป้องแสงแดดด้วย SPF 25 พร้อมสารสกัดจากราสเบอร์รี่และอโลเวร่า คนผิวแห้งถึงผิวธรรมดาจะ Love แต่ถึงแม้พี่ปิ่นจะเป็นคนผิวผสมเมื่อใช้แล้วก็ไม่ได้ทำให้หน้ามันย่องจนไหลเยิ้มแต่อย่างใดค่ะ

เนื้อรองพื้นมีความบางเบาและเกลี่ยง่าย ปกปิดปานกลางค่ะ แต่ก็สามารถบิ้วเพิ่มขึ้นได้ เบาสบายผิวดีมากเลยค่ะ เสียดายตรงที่พี่ปิ่นฝากคนอื่นหิ้วมาเลยได้สีไม่ค่อยตรงเท่าไร อยากให้เข้าไทยมาก ถ้ามาจะไปสวอชเองที่ shop เองเลย

มาดูที่ตัวถัดมาค่ะ

KIKO Milano
Weightless Perfection Wet and Dry Powder Foundation
แป้งผสมรองพื้นสูตรผิวเนียนแมทท์ พร้อม SPF 30 เหมาะมากสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวมัน เนื้อแป้งค่อนข้างนุ่มเนียน เกลี่ยง่าย ถึงจะเป็นแป้งผสมรองพื้น แต่พี่ปิ่นว่าเนื้อค่อนข้างบางเบา ไม่ตกร่องหรือรู้สึกหนักหน้า ท่สำคัญปกปิดได้ดีพอสมควรเลย

พี่ปิ่นต้องขอกรีดร้องให้กับแพ็คเกจแป้งตัวนี้เลย ที่แบบ อื้อหื้มมมมม เรียบแต่หรูหรา และสะดุดตามากค่ะ! นอกจากนี้ในตลับยังมีชั้นแยกเพื่อวางฟองน้ำ พี่ปิ่นว่าค่อนข้างสะอาดเลยทีเดียว

KIKO Milano
Unlimited Blush
#04 Metallic Rosy Biscuit
ทีแรกพี่ปิ่นก็คิดว่าเป็น Single Eyeshadow แต่ไม่ใช่จ้ะ น้องเป็น Blush เนื้อฝุ่นกำมะหยี่ ที่มีประกายชิมเมอร์ทองผสม ก็คิดว่าทาออกมาจะวาวเป็นไฮไลท์ แต่เปล่าเลย ทาออกแล้วสีสวยมากค่ะ วันไหนที่ไม่อยากเน้นไฮไลท์หรือเฉดดิ้งหนักๆ ตัวนี้ตัวเดียวก็เอาอยู่ เพราะไม่ต้องใช้ไฮไลท์เพิ่มและไม่ต้องใช้เฉดดิ้งด้วยเช่นเดียวกัน

น้องจะสะท้อนเล่นแสงแค่เฉพาะจุดที่ตกกระทบกับแสงเท่านั้น ส่วนตรงอื่นที่ไม่ถูกแสงก็จะเหมือนกับ Blush แบบ Matte ที่เราใช้ ๆ กันค่ะ ลงเพิ่มตรงจุดที่ต้องการเฉดดิ้งน้องก็จะทำหน้าที่เป็นบรอนเซอร์ให้เราไปในตัว สวย ครบ จบ ในตลับเดียว เริ่ดมากก!

KIKO Milano
Velvet Passion Matte Lipstick
#329 Persian Red
ทางฝั่งลิปสติกก็ไม่น้อยหน้า ลิปตัวนี้เป็นลิปเนื้อแมทท์ สีที่เลือกมาเป็นสีชมพูอมแดง แพ็คเกจสวย ดูหรูหราเหมือนเดิม ฝาใช้ระบบแม่เหล็กค่ะปิดสนิทแน่นไม่เลื่อนหลุด แค่ใส่นำร่องไปก็ดูดติดกับปลอกดังกรึ้บ!

ซึ่งสีนี้ก็คือ…สวยมากกกกก สีกลีบดอกกุหลาบ ความงามแบบยุโรป ฮุ้ยยยยย แม้จะเป็นลิปแมทท์แต่ก็ไม่แห้งตึงดึงปากขนาดนั้น ทาลื่นเกลี่ยง่าย ยังมีความชุ่มชื้นอยู่หน่อย ๆ สีติดทนระดับนึง แต่ยังคงต้องเติมระหว่างวัน หรือหลังจากทานอาหารอยู่ค่ะ

KIKO Milano
Gossamer Emotion Creamy Lipstick
#12 Passion Rouge
น้องคนนี้เป็นลิปติกเนื้อครีมมี่นุ่มค่ะ สีชัดมาก มีสารสกัดจากไฮยาลูรอนิคด้วย ทำให้เนื้อเรียบลื่น แถมแพ็คเกจก็ล้ำทันสมัย ปลอกเป็นเมทัลลิค และมีปุ่มกดที่ฝาด้านบนค่ะ

เวลาจะใช้ก็แค่กดตรงหัวด้านบนลงมา แท่งลิปสติกด้านในก็จะออกมาค่ะ

ปากเงาฉ่ำมาก ชอบ!

KIKO Milano
Smart Eyeshadow Palette
#02 Warm Tones
ยัง ยังไม่จบค่ะ มาต่อกันที่ Eyeshadow กัน สีในตลับนี้พูดได้เลยว่าเหมาะกับหลายๆโอกาสมากๆ ส่วนสวยมากเป็นโทนสีอุ่นอย่างสีน้ำตาล ทาได้ในชีวิตประจำวัน หรืออยากจะจัดลุคเต็มก็ได้อยู่ค่ะ
มาสวอชสีให้ดูกัน

แหม่…เห็นอยู่ในตลับก็คิดว่าสีอ่อนจัง แต่ก็ดูเอาค่ะ ฟ้องด้วยภาพ สีแน่นใช้ได้ทีเดียว เนื้อเนียนนุ่ม เกลี่ยง่ายมากเช่นกัน ทีแรกพี่ปิ่นก็คิดว่าสีขาวที่มีน่ะ จะใช้ทำอะไรได้ แต่เอาดี ๆ เขาใช้ป้ายตามโหนกคิ้ว สันจมูก หรือไฮไลท์ตรงใต้ตาหรือหัวตาได้ดีทีเดียวค่ะ
ยาวมาก อ่ะ ต่อไปได้เวลาในการนำทุกสิ่งมาแต่งแต้มบนหน้าให้ทุกคนได้เห็นกันไปเลย!

ด้วยความที่เมคอัพแบรนด์นี้ส่งตรงมาจากมิลานที่เป็นจุดศูนย์กลางแฟชั่นโลก และ color trend ก็ค่อนข้างจัดจ้านและน่าตื่นเต้น แต่ก็มี Classy เบา ๆ พี่ปิ่นเลยเนรมิตเป็น Look นี้ อย่างที่เห็นค่ะ

เอาล่ะ พี่ว่าพี่พอจะไป Fashion Week Front Low กับเขาได้ คิกค้ากกกกก
สินค้าของ KIKO Milano ถือได้ว่ามีเยอะมากค่ะ หลากหลาย ได้ครบทุกความต้องการ แล้วออกรุ่นใหม่เก่ง ! ตามลองเล่นแทบไม่ทันค่ะ ถ้าประเทศเปิดเมื่อไรบอกเลยว่าหากหลงเข้าไปใน Shop นี่ไม่ได้หลุดออกมาง่าย ๆ นะคะ เตือนแล้วนะ ! แต่อย่างว่าราคาของเขาคือถูกมากกกกก หยิบใส่จนล้นตะกร้ายังไม่มีสะเทือนเงินในกระเป๋า ดังนั้น กวาดมาทั้งชั้นเลยค่ะ !
หลังจากที่แต่งหน้าตะลุยงานกันทั้งวันแล้วก็ถึงเวลาต้องลบเครื่องสำอางกันแล้วค่ะ ซึ่งเค้าเองก็มีคลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางด้วยเช่นกันค่ะ

KIKO Milano
Pure Clean Micellar Water Normal to Combination
เป็น Micellar ที่ขวดใหญ่บิ๊กเบิ้มมาก เนื้อค่อนข้างนุ่มและลื่นมาก เช็ดเมคอัพออกดีค่ะ เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวผสม ทำความสะอาดผิวรวดเร็วและสะอาดหมดจด แต่อ่อนโยน โดยไม่ทำลายความชุ่มชื้นบนผิวค่ะ

ความจริงถูกเปิดเผย สามารถเช็ดเมคอัพให้สะอาดได้ในสำลี 1 แผ่นต่อครึ่งหน้า หลุดออกมาทั้งยวงตั้งแต่ขนตาและปากแดงเข้ม ๆ

สำลี 2 แผ่นหน้าหลังก็เช็ดออกเกลี้ยงแล้วค่ะ ทำความสะอาดได้ดีมาก เสียอย่างเดียวจะแสบตานิดหน่อยเวลาที่เช็ดรอบดวงตาค่ะ

เอาจริง ๆ ก็อยากให้ KIKO มาไทยอยู่เหมือนกันนะคะ หวังว่าเสียงเล็ก ๆ จากผู้หญิงตัวใหญ่คนนี้จะไปถึง ฮ่า ๆ
สำหรับการป้ายยาวันนี้ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้
แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
ทำผมสี Deep blue สู้อากาศร้อน
สวัสดีค่ะทุกคน
เข้าสู่ฤดูร้อนที่สลับกับช่วงมรสุมกันแล้ว บวกกับผมด้านในที่เคยฟอกและย้อมให้เป็นเทา (แต่ไม่เป็นให้) ก็เริ่มเสื่อมโทรม พี่ปิ่นเลยอยากเปลี่ยนสีผมใหม่มาต้านภัยร้อนเสียหน่อย แต่ก็ไม่อยากผมเสียมากไปกว่าเดิม เลยลองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำลายเส้นผมค่ะ

L’OREAL PARIS
COLORISTA WASHOUT
สี #DENIM HAIR
แล้วพี่ปิ่นก็ไปได้น้องคนนี้มา เขาเป็นครีมเปลี่ยนสีผมแบบชั่วคราว มาในรูปแบบคอนดิชันนิงคัลเลอร์ครีม เหมาะกับคนที่ฟอกผมมาแล้วเพราะสีจะออกชัดมากกว่า กับผมสีเข้มจะมองไม่เห็นสีเลย พี่ปิ่นเลือกเอาสี denim มา เขาจะออกแนวสีน้ำเงินหม่นๆ เพราะพี่ปิ่นน่ะชอบสีน้ำเงิน deep deep แบบนี้อยู่แล้วด้วย เข้ากับสีห้องนอน และได้ฟีลเหมือนตัวเองเป็นปลาวาฬดีค่ะ ฮ่าๆ สีน้ำเงินนี้ไอเลิฟ!!!!
ในกล่องก็จะมีหลอดสี และถุงมือมาให้ตามนี้เลยค่ะ
ชาร์ตเทียบสี ว่าถ้าพื้นสีผมสว่างสีที่ได้จะออกมาประมาไหน พร้อมกับวิธีใช้ที่แสนง่าย
สีเขาอยู่ได้ประมาณ 10-20 ครั้งสระ ก็โอเคนะ ดีเลยทีเดียว เพราะดิฉันสระผม 3-4 วันต่อครั้งจ้ะ😂
ว่าแล้วก็ลงมือ!

ขอสารรูปเลยว่าพี่ปิ่นไม่ค่อยได้ทำสีผมเองเพราะขี้เกียจ ส่วนใหญ่ก็เข้าร้าน แต่การเข้าร้านแต่ละทีก็นานมาก ค่าใช้จ่ายก็สูง และไม่มีอย่างอื่นให้ทำนอกจากนั่งเล่นมือถือจนเมื่อยตุ้ม วัยรุ่นอย่างเราขี้เกียจรอ! ครั้งนี้เลยจะลองเสี่ยงตายทำเองดูค่ะ
โดยเริ่มจากสระผมแล้วเป่าให้แห้ง เพื่อที่สีจะได้ติดชัดติดทน

จากนั้นแบ่งผมรอเลย โดยบริเวณที่จะย้อมในครั้งนี้คือครึ่งล่างที่ฟอกไว้เมื่อนานนม ยมพอๆ กับคนเลยค่ะ

เนื่องจากพี่ปิ่นไม่มีผ้าคลุมบ่าเหมือนในร้าน สิ่งที่ทำได้คือเอาถุงขยะสีดำที่ยังไม่ได้ใช้มาตัดผ่ากลางแล้วคลุมบ่าแทนค่ะ หนีบด้วยกิ๊พหนีบผม ไทยบ้านกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว😂

ใส่ถุงมือเตรียมสู้ศึก!
ถึงตรงนี้บอกเลยว่าต้องใส่! ย้ำ! ต้องใส่ค่ะ เดี๋ยวจะบอกว่าทำไม

บีบสีใส่ชามผสม ซึ่งชามผสมพร้อมแปรงราคาแค่ 30 บาท ใครย้อมผมเองควรซื้อติดบ้านไว้ค่ะ

แล้วก็ค่อยๆ ใช้แปรงลงสีไปทีละช่อ ทำเองก็จะมีความตาเหล่หน่อย ยิ่งทำข้างหลังนี่ก็คืออยากควักลูกตาไปวางไว้ข้างหลังมาก ทำเองประหยัดแต่ปวดตาจริงๆ ค่ะ😂

เหตุผลที่ต้องใส่ถุงมือก็คือสีไปติดตามผิวง่ายมาก และล้างออกยากที่เดียวค่ะ อย่างในรูปพี่ปิ่นก็ลืมทาวาสลีนตามกรอบหน้าและหู สิ่งที่ได้ก็คือตามรูปเลยค่ะ เลอะเทอะไปหมด!

เสร็จแล้วก็หมักทิ้งไว้ 20-30 นาทีค่ะ
จะบอกว่าระหว่างที่หมักไม่ได้กลิ่นฉุนเลย! หมักเพลินจนลืมเวลาไปเลยเหอะ นั่งกินข้าวดูซีรีย์ยาวเพราะไม่ได้กลิ่นเลยจ้ะพี่จ๋า พี่ปิ่นดูซีรีย์จนจบไป 1 ตอนถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลาล้างผมไปนานมากแล้ว😂

และนี่คือสีที่ได้หลังสระค่ะ ซึ่งสระแต่ละทีสีก็จะหลุดออกมาเรื่อยๆ สระเสร็จก็หมักผมเคราติน ฉีดสเปรย์บำรุงและกันความร้อน ผมไม่แห้งกรอบเลยค่ะ เลิศ!

อื้มหื้มมมมมม สีสวยถูกใจพี่ปิ่นมาก ดูสิเข้ากับผนังห้องนอน โอเค! เหมือนปลาวาฬทั้งสีทั้งหุ่นแล้ว ไปว่ายน้ำเล่นคลายร้อนได้!

หมดงบไปประมาณ 400 บาทเท่านั้น ดูแล้วเย็นตาเย็นใจสู้ภัยแล้งในหน้าร้อนนี้ได้ค่ะ
สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน
แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าจ้า
ผิวสวยใสและใจบุญไปกับ Cancer Council
สวัสดีค่ะทุกคน
ตอนนี้ที่ไทยก็เข้าสู่ฤดูร้อนกันแล้ว เป็นที่รู้กันดีว่าแดดประเทศไทยแรงชนิดเจาะหลังคาบ้านผ่าหมากมาแผดเผาผิวของเราให้เสียได้ไม่ยาก วันนี้พี่ปิ่นเลยอยากมาแนะนำอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องผิวเราจากแสงแดดแถมยังได้บุญอีกด้วยค่ะ

หลายคนอาจจะพอคุ้นตากันอยู่บ้างกับผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนี้เพราะเขาก็เข้าไทยมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ครีมกันแดดแบรนด์Cancer Council Australia มีการพัฒนาสูตรใหม่อยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพผิว และสามารถใช้ได้ทั้งผิวกายและผิวหน้า โดยแบรนด์นี้เขาเน้นเป็นสูตรปราศจากน้ำมัน (Oil free) อ่อนโยน ผ่านการทดสอบจากจากแพทย์ผิวหนังสถาบันวิจัยโรคมะเร็ง ประเทศออสเตรเลียว่าเป็นกันแดดที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและลดการระคายเคือง ก็ทำให้เรามั่นใจได้อีกขั้น
ที่สำคัญ รายได้ส่วนหนึ่งจากการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ Cancer Council จะช่วยสมทบทุนสถาบันวิจัยโรคมะเร็งและ สนับสนุนการช่วยเหลือต่างๆสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งอีกด้วยค่ะ สวยสายบุญไปอีก
ต่อไปนี้พี่ปิ่นขอพูดถึงผลิตภัณฑ์สองตัวที่ขายดีในไทยก่อนนะคะ มาดูทีละตัวกันเลย

Cancer Council
Active Sunscreen SPF50+ UVA, UVB Broad Spectrum Protection
น้องหลอดชมพูคนนี้ปิ่นขอบอกเลยว่าเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ เพราะเขาเป็นสูตรปราศจากน้ำมัน และไม่มี Paraben สามารถกันแดดได้ดีในระดับหนึ่ง หากเอาส่วนผสมมาแจกแจงกันแล้วล่ะก็จะมีสารกันแดดประเภทต่าง ๆ หนึ่งในนั้นจะมีแบบสลายได้ง่ายเมื่อเจอแดดในอัตราส่วนที่เยอะที่สุดและเป็นตัวที่ดูดซับ UVA ได้สูงถึง 360 nm จึงไม่แปลกที่เขาจะสลายตัวไวในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ใส่สารกันแดดตัวอื่นมาช่วยเสริมดูดซับรังสี UVA และ UVB เพิ่ม ทำให้กันแดดตัวนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ว่าจะเป็นกันแดดตัวไหนก็ต้องทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง Active Sunscreen ตัวนี้ก็เช่นกัน ทาง Cancer Council คิดมาให้แล้วจึงทำเป็นสูตร Oil free เพื่อจะได้ไม่เหนียวตัวเวลาทาครีมกันแดดย้ำหลายรอบใน 1 วันค่ะ อีกทั้งยังผสมอโลเวร่าและวิตามิน E เพื่อช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและปลอบประโลมผิวเมื่อถูกแดดแรง ๆ ที่บ้านเราเบิร์นค่ะ นอกจากนี้ยังกันน้ำได้ดี ไม่มีน้ำหอมอีกด้วยค่ะ

เนื้อครีมเป็นสีขาวบางเบา ออกไปทางเหลว ไม่เหนียวเหนอะหนะจริง ๆ อันนี้ชอบ

ว่าแล้วก็บีบใส่แขนเลยค่ะ ใช้เยอะขนาดนี้เลยค่ะ เพราะพี่ปิ่นทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นที่มีการออกกำลังกายในทุก ๆ เช้า แล้วไม่ออกที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศนะคะ นู้น เข้าแถวหน้าเสาธงเหมือนสมัยนักเรียนมัธยมผูกคอซองเลยค่ะ กลางแดดจ้า เพราะเขาบอกว่ามันจะทำให้สดชื่น ร่างกายแข็งแรง แต่ ๆ นั่นมันแดดประเทศญี่ปุ่นตอนหนาวไง แต่นี่ประเทศไทยมีอยู่ 2 ฤดู คือร้อน กับร้อนมาก ! เลยต้องโบกหนา ๆ แบบนี้ไปทุกเช้าค่ะ

เมื่อเกลี่ย ๆ นวด ๆ อยู่ 2-3 ที ครีมกันแดดที่บีบออกมาประหนึ่งนมข้นหวานใส่ชาไทยรถเข็นก็ซึมว้าบหายเข้าผิวไปแล้ว! OMG! อันนี้อเมซิ่งจริง ๆ นะคะ แล้วดูผิวที่ได้ ไม่มีความมันอะไรหลงเหลืออยู่บนผิวเลย มีแต่ความชุ่มชื้นหล่อเลี้ยงผิวไว้ด้วยอโลเวร่าและวิตามิน E
ครีมกันแดดตัวนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องออกแดดอย่างพี่ปิ่น รวมถึงผู้ที่ชอบเล่นกีฬา ทำสวน หรือที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งแล้วมีเหงื่อออก ขอแนะนำเลยค่ะ เพราะไม่เหนียวผิวจริง ๆ ไม่ละลายออกมาด้วย พกไปเลยค่ะ น้องพร้อมไปกับเราทุกที่ ทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงจะช่วยปกป้องผิวเราจากแสงแดดได้ดีทีเดียวค่ะ
มาดูกันที่ตัวถัดไปค่ะ

Cancer Council
Face Daywear Moisturiser Matte SPF50+
สี Light tint
น้องคนนี้เป็นครีมกันแดดทาผิวหน้าแบบมีสีค่ะ ให้นึกถึงสีของรองพื้นเอาไว้แต่เขาไม่ได้ทำมาเพื่อปกปิดผิวเช่นรองพื้นแต่อย่างใดค่ะ น้องเป็นสูตร Matte ค่ะ แต่อย่างที่เขาเขียนเคลมไว้ว่าเนื้อบางเบาขั้นสุด และให้ความชุ่มชื้น ในเรื่องของส่วนประกอบต่าง ๆ จะคล้ายกับครีมกันแดดทาตัวเมื่อครู่ค่ะ แต่จะมีการตัดบางตัวออกเพื่อให้เหมาะกับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย นอกจากนี้ยังมีอโลเวร่าและวิตามิน E ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่มีพาราเบน และน้ำหอม เน้นย้ำกันสักนิดว่าสูตรนี้ไม่ได้กันน้ำค่ะ

เนื้อครีมจะเป็นสีเบสอ่อน ๆ ค่อนข้างบางเบามาก ด้วยส่วนผสมหลักทางเคมีบางตัวมีลักษณะเป็นแป้งที่ละลายน้ำได้ไม่มีกลิ่นไม่มีสี และทำงานได้ดีในสูตรที่ไม่มีน้ำหอม จึงทำให้เนื้อของผลิตภัณฑ์คล้ายน้ำผสมแป้งค่ะ

นี่เลยค่ะ บีบออกมากันแบบสะใจไปเลย หลายคนรวมถึงพี่ปิ่นเองด้วยเหมือนกันจะกลัวการทาครีมกันแดดที่ออกสีแนว ๆ รองพื้นเยอะ ๆ แบบนี้เพราะกลัววอก กลัวลอย และดูหนาเหมือนจงใจแต่งหน้า

แต่พอเกลี่ยเสร็จกลับพบว่าเขาไม่ได้ออกสีอย่างที่กลัวเลยค่ะ ดูกลมกลืนไปกับสีผิวเดิมไปเลยด้วยซ้ำ ช่วยปรับผิวให้สว่างขึ้นเล็กน้อย ไม่วอก ไม่ลอย ที่สำคัญเนื้อครีมบางเบา ไม่เหนียวหน้าเลยค่ะ

หลังลงที่ผิวหน้าดูผิวเรียบเนียนขึ้น แต่ไม่ได้ Matte ป้าบขนาดนั้น คือยังมีความชุ่มชื้นที่ผิวอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผิวมันย่องแต่อย่างใดค่ะ ชอบสัมผัสนี้มาก อันนี้ดี! แล้วหลังจากนั้นก็ไปแต่งหน้าได้ตามปกติค่ะ อีกอย่างที่สำคัญคือเขาไม่ได้รบกวนเมคอัพ ก็สามารถแต่งหน้าได้เหมือนเดิมค่ะ

ความร้อนของแดดเมืองไทย สู้ความ Hot ของฉันไม่ได้หรอกจ้ะ!
ทุกไอเทมของ Cancer Council ใช้งานง่ายค่ะ เพียงแค่ทาบริเวณใบหน้าและลำคอทิ้งไว้อย่างน้อย 15-20 นาที ก่อนออกแดด และสามารถทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง ภายหลังการออกแดด หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สามารถเผชิญแสงแดดได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกลัวเรื่องผิวมองคล้ำและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมออีกต่อไปจ้า
สามารถหาซื้อได้ตามร้านชั้นนำทั่วไป: Eveandboy, Watsons, Boots, Pure & The Mall, Shoppee, Lazada
แล้วยิ่งกำลังจะมีโปรซื้อ 1 แถม 1 ด้วย เกียมตัวเลยค่ะพี่น้อง
Pure & The Mall โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 วันที่ 25/03/21 – 14/04/21
Boots โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 วันที่ 01/04/21 – 30/04/21

ขอประชาสัมพันธ์กันนิดนึงนะคะ
Cancer Council ได้เข้าร่วมกิจกรรม ELLE Beauty Star Award 2021 เพื่อนๆ สามารถเข้าไปโหวตให้กับครีมกันแดดแบรนด์ Cancer Council Australia ได้ที่หน้าเพจ FB ของ ELLE Thailand นะคะ ที่นั่นเขาจะมีลิงค์ให้กดโหวต ใครใช้แล้วชอบไปโหวตกันจ้าเพื่อลุ้นรางวัลจาก ELLE มูลค่า 2000 บาทจ้า
#CancerCouncilTH
สำหรับวันนี้พี่ปิ่นขอลาไปก่อน
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
บาย
เมื่อยานแม่ลำน้อยประทับลงเปลือกตา Pat Mcgrath Labs Mothership Mega : Celestial Divinity Eyeshadow Palette
สวัสดีค่า
ช่วงนี้กำลังอินกับเครื่องสำอางมากค่ะ แต่ขอย้ายจากงานปากมางานตากันบ้าง ต้องขอบอกเลยว่าพาเลทอายชาโดพาเลทนี้พี่ปิ่นซื้อมาตั้งกะปีที่แล้วแต่เก็บเงียบเอาไว้เพราะไม่กล้าปาดค่ะ เสียดาย ใช้เวลาทำใจอยู่นาน ฮ่า ๆ บ้าบอจริง ๆ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ได้เวลาพาทุกคนไปรู้จักยานแม่ลำย่อมจาก PAT MCGRATH LABS กันค่ะ
PAT MCGRATH LABS
MOTHERSHIP MEGA : CELESTIAL DIVINITY
Eyeshadow Palette Limited Edition
ต้องขอเรียกว่าเป็นยานแม่แบบจำลอง เพราะโดยปกติแล้วยานแม่ลำใหญ่จะเป็นกล่องไม้หนักแน่น มี 10 หลุม สีก็จะแตกต่างออกไปตามรุ่นที่ออก ราคาค่อนข้างแรง ปาไปครึ่งหมื่น แต่พาเลทนี้เหมือนเป็นการย่อส่วนและจับยัดสีฮิตมาให้ถึง 18 สีในขนาดหลุมที่เล็กลงเพียงเล็กน้อย
ในส่วนของ packaging เป็นกระดาษอัดแข็งที่ค่อนข้างแข็งแรงและเปิดปิดด้วยแม่เหล็กอาจเพราะต้องการลดต้นทุนเพื่อให้ราคาถูกลงกว่ายานแม่ลำใหญ่ ซึ่งตรงนี้พี่ปิ่นไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเขาทำสีสันกล่อง ชมพู-ทอง ในคอนเซปคลีโอพัตราราชาอียิปต์ออกมาอย่างชัดเจน
ภายในมีกระจกขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้จริง และมีสีอายชาโดถึง 18 เฉดสี ขนาดพอ ๆ กับเหรียญ 10 ได้ซึ่งไม่เล็กไปเสียทีเดียว
มา Swatch สีกันดีกว่า ตื่นเต้น ๆ
จะเห็นได้ว่าใน 18 สี มีสีแมทแค่ 3 สีเท่านั้น ที่เหลือเป็นชิมเมอร์ กลิตเตอร์ทั้งหมด ความวิ้ง ความวาวดาวลูกไก่เรียกได้ว่าจัดมาเต็ม ไม่ได้เป็นเกล็ดใหญ่แบบสายเกา แต่มีความละเอียดจัดชัดจริง เนื้อเนียนนุ่มเกลี่ยง่าย ในเรื่องของ fall out หรือการตกหล่นของผงอายชาโดนั้น หากเป็นชิมเมอร์หรือกลิตเตอร์แบบนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวปราบเซียนของหลาย ๆ แบรนด์เลยค่ะ แต่ว่าแม่ pat ก็จัดการได้ดีสมคำร่ำลือ เทคโนโลยีที่ PML ใช้ทำให้อายชาโดแบบกลิตเตอร์มีความนุ่มเนียน fall out ไม่ค่อยมี สามารถใช้นิ้วป้ายแล้วสีชัดได้ในปาดเดียว หากใช้แปรงแต่งกับบางสีก็มี fall out บ้างค่ะ และในบางสีที่มักทำให้หลาย ๆ แบรนด์ตกม้าตายอย่างสีม่วง-ดำ PML ก็เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ ที่ยังทำได้ไม่ดีก็มี fall out หล่นเปรอะตามใต้ตา จนมีคำครหามาว่าพาเลทนี้ถูกลดคุณภาพให้น้อยลงไปตามราคาค่ะ
สีส่วนใหญ่ในพาเลทนี้บ่งชัดว่าเหมาะกับสายแฟ สายเฉี่ยว เพราะนอกจากจะเป็นชิมเมอร์เสียเป็นส่วนใหญ่แล้ว สีสันที่แม่จับยัดมาก็เป็นสีออก ชมพู-ม่วง เสียมาก ก็พอจะใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป สายหวานก็พอได้อยู่ แต่อาจจะมีหลายสีที่ไม่ได้ใช้ค่ะ
ในบางสีมีความเหลือบเล่นแสง เรียกได้ว่าทา 1 สีแต่ได้มากกว่า 1 เพราะจะอมม่วง อมเขียว แว้บไปแว้บมา เรียกได้ว่า Eyeshadow ของ PML มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะสีชิมเมอร์พวกนี้ เพราะเมื่อแต่งตาให้นางแบบขึ้น Run way เมื่อไร สีเหล่านี้จะสะท้อนกับแสงสปอตไลท์ เหลือบเล่นแสงแพรวพราวจนเป็นที่ขนานนามกันในวงการแฟชั่นไปทั่วโลก
ต่อไปพี่ปิ่นจะลองแต่งตาดูค่ะ โดยจะใช้สีส่วนใหญ่ที่มีซึ่งก็คือสีม่วงค่ะ
“ตาม่วงจ้วงทรัพย์”
ขอแต่งแบบสายมู “ม่วงจ้วงทรัพย์” รวย ๆ เฮง ๆ ไปตลอดปี ฮ่า ๆ
หลังจากที่ได้ลองเล่นดูพบว่า เนื้ออายชาโดนุ่ม เกลี่ยง่าย แม้จะใช้แปรงกับสีชิมเมอร์ กลิตเตอร์ทั้งหลายก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เทคนิกพิเศษอะไรเลยค่ะ ไม่ต้องพ่นน้ำที่แปรงก่อนจุ่มสีใด ๆ ทั้งสิ้น แค่ใช้แปรงวน ๆ สีก็ติดแปรงมาแล้วค่ะ ไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ อะไรทั้งนั้น
บนเปลือกตาของพี่ปิ่นมีเพียงรองพื้นอยู่บางเบา แต่ผลก็อย่างที่เห็น ความชัดเจนนี้ต้องยกให้ยานแม่ สีติดแน่น เม็ดสีชัดโดยที่ไม่ได้ใช้อายไพร์เมอร์ ถึงจะติดทนแต่ก็สามารถเบลนด้วยแปรงเพื่อความกลมกลืนของสีได้ แม้ว่าจะใช้สีอ่อนทาลงบนสีเข้ม สีอ่อนที่ว่าก็ออกสีได้ชัดไม่ได้ถูกสีเข้มกลบแต่อย่างใด อันนี้ดี!