สวัสดีค่ะทุกคน
จะบอกว่าตอนนี้กำลังอินกับแป้งพัฟตัวหนึ่งค่ะ ที่นอกจากจะปกปิดขั้นสุดแล้ว ยังมาในรูปโฉมใหม่ที่เห็นแล้วต้องพกไว้ในกระเป๋าตลอดค่ะ เพราะน้องน่ารักมาก! นอกจากนี้ราคาก็ดี เรียกว่าเป็นแป้งพัฟถูกและดียังมีหลงเหลือให้อิฉันได้ตะลึง! วันนี้ปิ่นจะรีวิวแป้งพัฟผสมรองพื้นสูตรใหม่ของ sasi ให้ทุกคนได้กรีดร้องแบบปิ่นกันค่ะ

sasi
Foundation Powder
Magic Matte / Magic Glow
ครั้งแรกที่เห็น เห็นกล่องก็ว่าน่ารักแล้ว พอเปิดกล่องมาเห็นตลับนี่ปิ่นถึงกับว้าว! เรียกน้องเลยทันที สีตลับน่ารักปุ๊กปิ๊ก น่าใช้เป็นที่สุดเลยค่ะ
น้องมี 2 สูตรค่ะ แต่ละสูตรจะเป็นอย่างไร วันนี้ปิ่นจะมาเล่าให้ฟัง เชื่อพี่เหอะ พี่ลองมาให้หมดแล้วจริงๆ
มาดูที่สูตรแรกกันค่ะ ขอเรียกว่าเป็นแป้งตลับผิวเนียนแล้วกัน

sasi
Foundation Powder
Magic Matte
8.5 g 139 THB
มาดูที่น้องคนแรกก่อนค่ะ มาในตลับสีชมพูพาสเทล น่ารักมากกกกก มากถึงมากที่สุด เป็นแป้งรองพื้นที่ให้ผิว Matte เนียนเป๊ะ แนบไปกับผิว พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดเพราะมีค่า SPF 30 PA++++ ปกปิดปานกลางถึงสูงสุด ไม่อุดตัน ติดทน กันน้ำ กันเหงื่อ ควบคุมความมันได้ 12 ชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยี Double – Function Fit และมีวิตามิน E ช่วยบำรุงผิวไปในตัวด้วยค่ะ

ต้องบอกก่อนว่าแป้ง Magic Matte นี้ถูกพัฒนามาจากรุ่นเดิมตลับขาวซึ่งปิ่นก็ใช้อยู่เช่นเดียวกัน เดี๋ยวจะบอกว่าพัฒนาอะไรไปบ้าง
แต่ก่อนอื่นมาดูลักษณะภายนอกกันก่อนดีกว่า เพราะปิ่นเลิฟมากจริงๆ เป็นพวกแพ้แพคเกจค่ะ

ตลับน้องเป็นพลาสติกที่ค่อนข้างคงทน มีชั้นเก็บฟองน้ำให้และกระจก ในส่วนของฝาพักก็ถูกดีไซน์ใหม่และประกอบมาแข็งแรงทีเดียวค่ะ

มีเฉดสีทั้งหมด 3 สีด้วยกัน
- 01 Light
- 02 Medium
- 03 Warm
ที่นี้อย่างที่ปิ่นได้เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ว่าน้องคนนี้ถูกปรับปรุงมาจากสูตรเดิมตลับขาวที่เป็นตัวขายดีของแบรนด์ มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างมาดูกันค่ะ

เทียบให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยระหว่าง sasi Magic Matte เก่ากับ sasi Magic Matte ใหม่ ที่เห็นได้ง่ายสุดก็จะเป็นเรื่องของแพคเกจค่ะ

sasi Magic Matte รุ่นเก่าตลับขาวจะไม่มีชั้นวางพัฟฟองน้ำแยก ต้องวางบนตัวแป้งโดยตรง ตัวพลาสติกภายนอกดูบอบบางไปนิด โดยเฉพาะบริเวณจุดเชื่อมฝาพับ เปิดปิดบ่อยๆ มีขาดออกจากกันค่ะ ซึ่งทาง sasi ก็ได้ฟังเสียงของผู้ใช้จึงได้ทำการปรับปรุงแล้วออกใหม่เป็นรุ่น Magic Matte ตลับสีชมพูค่ะ

นอกจากนี้ในเรื่องของสีแป้ง แม้จะออกมา 3 เฉดสีเท่าเดิม แต่ว่าในรุ่นเก่าจะติดเหลือง และความต่างระหว่างสี W1 กับ W2 ค่อนข้างน้อย แม้ว่าปิ่นจะไม่ใช่สาวผิวสีน้ำผึ้งแต่ปิ่นต้องใช้เบอร์ W3 ซึ่งเป็นสีที่เข้มสุดแล้วแต่ก็ยังติดขาวอยู่ แต่ยอมเพราะปกปิดดีมากจริงๆ และยังคุมมันได้ดีทีเดียวค่ะ
และแน่นอนว่า sasi ก็ฟังเสียงลูกค้า จึงได้ทำการปรับปรุงให้สูตร Magic matte ไม่ติดเหลืองเท่ารุ่นเก่า และเฉดสีต่างกันชัดเจนทำให้ในครั้งนี้ปิ่นได้ใช้สี 02 Medium ได้พอดิบพอดีกับผิวจ้า

ที่นี้จะมาลองเทียบให้ดูในเฉดสีเดียวกันระหว่างรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ค่ะ ทางขวาจะเป็น sasi Magic Matte รุ่นใหม่ ส่วนซ้ายจะเป็น Magic Matte รุ่นเก่าตลับขาว จะเห็นได้ว่ารุ่นใหม่จะยังคงคุณภาพด้านการปกปิดจุดด่างดำต่างๆ ได้เป็นอย่างดีไม่แพ้รุ่นเก่าเลยค่ะ เทียบดูกับรูปซ้ายฝั่งซ้ายที่ยังไม่ได้ทา โอ้โห้ คนละโลกมาก
และเมื่อทารุ่นเก่าทางด้านขวาจะเห็นได้ชัดเลยว่าสีจะขาวกว่ารุ่นใหม่และติดเหลืองไปค่ะ แต่รุ่นใหม่ก็คือพอดีผิวมากจริงๆ

แล้วปิ่นก็ลองใช้น้องแบบเพียวๆ ไม่มีการลงตัวช่วยอื่นเลย เรียกว่าลงสกินแคร์เสร็จแล้วก็โปะ sasi Magic Matte เลยเพื่อดูประสิทธิภาพว่าน้องยังเจ๋งเหมือนเดิมไหม ก็ให้ภาพมันฟ้องค่ะ จากป้าข้างบ้านกลายเป็นสาวคอนโดไปแล้ว รอยฝ้ากระก็ปกปิดได้ดีทีเดียวแม้จะไม่ได้ใช้รองพื้นหรือคอนซีลเลอร์เลยก็ตาม ฟินิชผิวโดยรวมก็นวลเนียน ไม่มีโป๊ะแต่อย่างใด
ต่อไปเป็นการทดสอบประสิทธิภาพควบคุมความมันกันค่ะ

ปิ่นออกไปทำธุระนอกบ้านมาตั้งแต่สายๆ จนถึงช่วงค่ำ ผ่านไป 8 ชั่วโมงไม่ถึง 12 ชั่วโมง หน้าเริ่มมันวาวค่ะ วาวบริเวณ T-Zone และเมื่อลองใช้กระดาษทิชชูซับความมันส่วนเกินออก มีแป้งบางส่วนติดออกมากับความมันเห็นได้บนกระดาษทิชชูค่ะ แต่พอซับเสร็จทางด้านซ้ายจะเห็นได้ว่าผิวยังคงดูนวลเนียนเหมือนเมื่อเช้า ไม่มีแหว่งหรือหลุดเป็นดวงค่ะ น้องติดทนใช้ได้ทีเดียว ส่วนเรื่องควบคุมความมันแม้จะไม่ถึง 12 ชั่วโมง แต่ 8 ชั่วโมงโดยไม่ซับไม่เติมปิ่นว่าก็คุมมันได้ดีในระดับหนึ่งเลยค่ะ
ไปดูที่น้องอีกคนหนึ่งกันค่ะ

sasi
Foundation Powder
Magic Glow
8.5 g 139 THB
sasi Magic Glow ตลับสีฟ้าพาสเทล น้องเป็นแป้งพัฟผสมรองพื้นเนื้อแมทประกายชิมเมอร์ ที่มอบผิวสวยเนียนเปล่งประกาย มีเนื้อบางเบา แนบสนิทกับผิว เป็นธรรมชาติไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF 30 PA++++ สามารถปกปิดได้ตั้งแต่ปานกลาง ถึงสูงสุด เนื้อแป้งติดทน กันนํ้า กันเหงื่อ คุมมัน 12 ชั่วโมงด้วยเทคโนโลยีDouble – Function Fit ที่สำคัญน้องมีประกายชิมเมอร์จากธรรมชาติขนาดพิเศษ 30 ไมครอน ช่วยให้ผิว เปล่งประกายเมื่อโดนแสงทั้งยังช่วยบํารุงให้ผิวหน้ากระจ่างใสด้วย Vitamin E ค่ะ

เนื้อแป้งในตลับดูอัดแน่น และตลับก็แข็งแรงทนทานเหมือนกับตลับสีชมพูเลยค่ะ

ไม่ว่าจะมีกระจกที่ใหญ่กว่าเดิม และมีชั้นวางพัฟฟองน้ำแยกให้ และตัวบานพับก็แข็งแรงทนทานมากขึ้นเช่นเดียวกัน

จุดสำคัญของแป้ง Magic Glow คือน้องมีประกายชิมเมอร์เมื่อโดนแดดค่ะ ระยิบระยับเล็กๆ พอน่ารัก มีทั้งหมด 3 สีค่ะ
- 01 Light
- 02 Medium
- 03 Warm
ซึ่งโดยส่วนตัวปิ่นคิดว่าสีของรุ่น Magic Glow จะสว่างกว่ารุ่น Magic Matte แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาผสมผงชิมเมอร์ลงไปในเนื้อแป้ง ทำให้เกิดการสะท้อนแสงเลยทำให้ดูสีอ่อนกว่าค่ะ

เปรียบเทียบให้ดูเนื้อและสีของแป้งทั้ง 2 รุ่นค่ะ ซ้ายคือ Magic Matte ส่วนขวาคือ Magic Glow จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ว่าทางซ้ายจะมอบผิวแมท ส่วนทางขวาจะมีความฉ่ำโกลว์ที่แท้เมื่อต้องแดด อู้วววว สวยมากทั้งสองรุ่นเลย

ขออภัยในความหน้าสด ฮ่าๆ อย่างที่ทุกคนเห็นปิ่นไม่ได้มีผิวที่ดีมากนัก มีรอยดำจากฝ้า กระ และรูขุมขนหน้าแก้มกว้าง ทีแรกก็คิดว่าน้อง Magic Glow อาจจะไม่ช่วยปกปิดมากเท่าไรเพราะเขาเน้นให้ผิวกระจ่าง แต่พอลองทาดู เอ้อ! อย่าว่าไปนา น้องก็ปกปิดดีทีเดียวเพียงแค่อาจจะต้องย้ำหลายครั้งหน่อย ไม่เหมือนรุ่น Magic Matte ที่ปาดไม่กี่ทีก็ปกปิดได้แล้ว
และที่สำคัญเห็นหน้าทางฝั่งซ้ายที่ทา Magic Glow เทียบกับฝั่งที่ไม่ได้ทาไหมคะ นี่คือแค่ลงแป้งนะ ไม่ได้ลงไฮไลท์อะไรเลย คือทาสกินแคร์เสร็จก็ลงแป้งเลยค่ะ จะเห็นได้ว่าผิวฉันฉ่ำวาว ดูนวลเนียนแบบ Glass skin มากกกกกก กรี๊ดดดดด เลิฟความฉ่ำนี้ ลองเอียงซ้ายทีขวาทีผิวก็เปลี่ยนไปตามแสงที่ตกกระทบ โอ้…น้องเอ๋ย…ตกหลุมรักผิวตัวเอง ฮือออ

และเมื่อแต่งหน้าเสร็จก็พบว่าผิวโดยรวมทั้งหมดดูเหมือนแต่งหน้าจัดเต็มทุก step ทั้งรองพื้น แป้งฝุ่น ไฮไลท์ แต่ความจริงคือใช้แค่ sasi Magic Glow ตลับเดียวเลยจ้า หน้าพุ่งยันดาวอังคาร แวววาวดาวลูกไก่มากจ้าที่รัก
แต่สิ่งที่ต้องระวังคือเพราะเขามีประกายชิมเมอร์ สำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้างควรปัดแต่เบามือในบริเวณนั้น เพราะถ้าลงหนักจะกลายเป็นการเน้นรูขุมขนให้กว้างขึ้นค่ะ
